“โรนัลโด” ลั่น พร้อมประกาศแขวนสตั๊ด 100 เปอร์เซ็นต์ แม้มี 1 เรื่องใหญ่เกิดขึ้น

วันที่ 18 พ.ย. 65 คริสเตียโน โรนัลโด แนวรุกของ “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประกาศชัด พร้อมแขวนสตั๊ดแน่ๆ ถ้าตนเองสามารถพา ทีมชาติโปรตุเกส คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ ได้สำเร็จ

เมื่อถูก เพียร์ซ มอร์แกน ถามว่าจะเลิกเล่นฟุตบอลไหม ถ้า โปรตุเกส คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก โรนัลโด ตอบว่า “ใช่ เลิกเล่นแน่ๆ 100 เปอร์เซ็นต์”

“ผมมองโลกในแง่ดีว่าเรามีโค้ชที่ยอดเยี่ยม และ เรามีนักเตะช่วงรุ่นอายุของนักเตะที่ดี ผมตั้งตารอว่าเราจะไปให้ถึง มันจะเป็นเรื่องยาก แต่ทุกอย่างเป็นไปได้ แน่นอนว่าเราพร้อมที่จะชิงชัย”

สำหรับ ทีมชาติโปรตุเกส ลงเล่นเกมอุ่นเครื่องเมื่อคืนนี้วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ไล่กระหน่ำเอาชนะ ไนจีเรีย ไป 4-0 โดยที่ไม่มี โรนัลโด ลงสนามเนื่องจากว่าป่วย

โรนัลโด100เปอร์เซ็นต์

โรนัลโด ยกย่อง “เมสซี่” เปรยอาจแขวนสตั๊ดถ้าพา “โปรตุเกส” คว้าแชมป์โลก

บทสัมภาษณ์พาร์ทสองที่น่าสนใจ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ มีการเอ๋ยถึงคู่ปรับตลอดกาล อย่าง ลิโอเนล เมสซี ที่ต่อสู้กันมาตลอดในเรื่องของการบรรลุเป้าหมาย กับความยิ่งใหญ่ ใน ช่วงปัจจุบัน โดยเจ้าตัวกล่าวยกย่องซูเปอร์สตาร์ชาวอาร์เจนไตน์เป็นเพื่อนร่วมสังเวียน และ คู่แข่งที่ยอดเยี่ยม นอกเหนือจากนี้ยังเปรยว่าถ้าเขาพา โปรตุเกส ได้แชมป์โลก อาจตัดสินใจแขวนสตั๊ดทันที

ผู้ครอบครอง สมญานามซีอาร์เซเว่น เอ๋ยถึง ลิโอเนล เมสซี ว่า “เขา (เมสซี) เป็นนักเตะที่น่าทึ่งมากๆ เขาเหมือนเป็นนักมายากลที่เก่งกาจ เรามีช่วงเวลาในสนามร่วมกันมาอย่างยาวนาน 16 ปีเต็ม ความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่เป็นไปในทิศทางที่ดี” โรนัลโด้ เริ่มกล่าวถึง เมสซี

“ถึงเราอาจจะไม่ใช่เพื่อนซี้ หรือเพื่อนที่อยู่ระแวกบ้านใกล้ๆกัน หรือ คอยโทรหากันอะไรแบบนั้น แต่เขาก็เป็นเหมือนเพื่อนร่วมทีมของผมเลย”

“เขาเป็นบุคคลที่ผมให้ความเคารพตลอดเวลาที่ได้ยินเขาพูดถึงผม เรียกว่าเขาเป็นผู้ชายที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่งที่ทำสิ่งมหัศจรรย์ในโลกของฟุตบอลก็แล้วกัน” หัวหอกชาวโปรตุกีส ทิ้งท้าย

นอกเหนือจากนี้เจ้าตัวยังออกมาเปรยว่าถ้าสามารถพาทีมชาติโปรตุเกส คว้าแชมป์โลกมาครอบครองได้ เขาอาจตกลงใจแขวนสตั๊ดทันที “ผมเชื่อว่าตอนนี้ตัวเองยังสามารถยิงประตูได้อย่างต่อเนื่อง สามารถช่วยทีมได้ ผมยังมีดีพอที่จะช่วยทีมชาติ และ สโมสรของผม แต่แน่นอนผมมักจะเจอกับคำวิจารณ์เรื่องอายุที่ตอนนี้ 37 ปีแล้ว จริงๆผมอยากจะขอให้ไปดูเพื่อนร่วมรุ่นของผมในบรรดาคนที่รุ่นเดียวกันยังมีคนที่รักษาสภาพร่างกาย และ ยืนระยะได้เหมือนผมไหม”

“ผมคิดว่าโปรตุเกสตอนนี้มีเฮดโค้ชที่ยอดเยี่ยม มีผู้เล่นดาวรุ่งที่ฝีเท้าดี ผมตั้งตารอที่จะได้ลงเล่นในฟุตบอลโลกอีกครั้ง ผมพร้อมจะรีไทร์ทันทีหากพาโปรตุเกสคว้าแชมป์โลกได้ในครั้งนี้”

“ใจจริงผมอยากเล่นอีก 2-3 ปี อยากเลิกเล่นตอนอายุ 40 ผมคิดว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ดี แต่ผมก็ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ทุกๆแผนการย่อมีการเปลี่ยนแปลงได้เสมอ เราไม่มีทางรู้จนกว่ามันจะเกิดขึ้น”

เวลาเดียวกันศูนย์หน้าวัย 37 ปี ยังเห็นด้วยว่าการออกมาให้สัมภาษณ์อะไรแบบนี้อาจจะเป็นผลให้สถานการณ์ระหว่างเขากับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะต้องสั่นคลอน แต่ขอมุ่งสมาธิไปที่ ฟุตบอลโลก 2022 เสียก่อนและหลังจากนั้นก็ค่อยว่ากัน

“ผมอยากจะมุ่งสมาธิไปที่ฟุตบอลโลก ไม่รู้หรอกว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้างหลังจบฟุตบอลโลก แต่อย่างที่ผมได้พูดไปแฟนๆคือสิ่งที่อยู่ในใจของผมเสมอ และ ผมก็หวังว่าเขาจะอยู่เคียงข้างผมไม่ว่าผมจะได้กลับไปอยู่กับทีมหรือไม่” ยอดดาวยิงชาวโปรตุกีส ทิ้งท้าย

คริสเตียโน โรนัลโด

โรนัลโด้ วืดเล่นบอลโลก!โค้ช โปรตุเกส ลั่นเป็นไปได้

โรนัลโด้ มีชื่อติดทีมชาติ โปรตุเกส ชุดออกศึก ฟุตบอลโลก ซึ่งจะเป็นครั้งที่ห้าแล้วสำหรับศูนย์หน้าทีม แมนฯ ยูไนเต็ด และ น่าจะเป็นครั้งสุดท้ายของเขาด้วยเหมือนกันเมื่อไตร่ตรองจากอายุที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

กระนั้นดีแล้ว จากลักษณะการป่วยท้องเสียจนกระทั่งทำให้พลาดฝึก และ ชวดลงเล่นเกมอุ่นเกือกกับ ไนจีเรีย เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 17 พ.ย.ยังเป็นที่เชื่อกันว่าหัวหอกวัย 37 ปีจะฟิตร่างกายลงเล่นเกมแรกกับ กาน่า ในวันพฤหัสบดีที่ 24 พ.ย.ได้อย่างไม่เป็นปัญหา

แต่กรณีของ ซีอาร์เซเว่น ซานโต้ส ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อว่าไม่จำเป็นที่เขาจะต้องส่ง โรนัลโด้ ลงสนามเนื่องจากว่าไม่มีผู้ใดกำกับการตัดสินใจเลือกทีมของเขาได้โดยเขาจะไตร่ตรองจากฟอร์มการเล่นเป็นสำคัญซึ่งซีซั่นนี้ จอมบุก ผีแดง มีผลงานที่ตกลงไปโดยยิงได้เพียงแค่สามประตูในทุกรายการ

“ผมจะถูกบังคับหรือเปล่า? ไม่มีใครบังคับผมให้ทำอะไรทั้งนั้น” ซานโต้ส เผยถึงข้อถามที่มีต่อดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของชาติ 117 ประตู

“มันเป็นคำถามที่คุณสามารถถามได้ แต่มันขึ้นอยู่กับว่า คริสเตียโน่ โรนัลโด้ สมควรได้ออกสตาร์ตเป็นตัวจริงหรือเปล่า?”

“มันเป็นกฏเกณฑ์สำหรับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ นักเตะทุกคนในทีมชาติ โปรตุเกส”

“หากเฮดโค้ชถูกบังคับให้ส่งใครลงเล่นเป็น 11 คนแรก มันก็ไม่ใช่เรื่องแล้ว”

เชอร์วูด ลั่น บทวิจารณ์แมนยูฯ ทำ “โรนัลโด” เสื่อมเสีย คาด “เมสซี” คงนั่งขำอยู่

ทิม เชอร์วูด อดีตกุนซือสเปอร์ส เปิดเผย บทสัมภาษณ์วิจารณ์ แมนยู ทำ โรนัลโด เสื่อมเสียชื่อเสียง คาด “เมสซี” คงกำลังหัวเราะเยาะเขาอยู่

วันที่ 16 พฤศจิกายน 65 หลังจาก คริสเตียโน โรนัลโด กองหน้าชาวโปรตุเกส ออกมาเปิดเผยแหลกว่า “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมดังแห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ให้สัมภาษณ์แบบไม่ไว้หน้าต้นสังกัด ทั้งยังปัญหากับ เทน ฮาก และ ราล์ฟ รังนิก อดีตกุนซือ, ตำหนิสโมสรว่าไม่พัฒนาจากระยะแรกที่เคยร่วมงานในปี 2003-2009, การโต้ตอบ เวย์น รูนีย์ อดีตเพื่อนร่วมทีมที่ชอบวิจารณ์เขา และฯลฯ

ล่าสุด ทิม เชอร์วูด อดีตผู้จัดการทีม “ไก่เดือยทอง” ทอตแนม ฮอตสเปอร์ ออกโรงให้ความเห็นเกี่ยวกับบทสัมภาษณ์ของ คริสเตียโน โรนัลโด โดยคิดว่าความประพฤติปฏิบัติดังกล่าวจะก่อให้ ลิโอเนล เมสซี ศูนย์หน้าจากปารีส แซงต์ แชร์กแมง เจ้าของบัลลงดอร์ 7 ยุค หัวเราะเยาะ เนื่องด้วยบทสัมภาษณ์ดังกล่าว ไม่มีประเด็นอะไรแปลกใหม่อะไรเลย แถมยังเป็นเหตุให้ CR7 เสื่อมเสียอีกด้วย

ทิม เชอร์วูด เผยออกมาว่า ”ผมไม่คิดว่าการพูดของ โรนัลโด จะมีอะไรแปลกใหม่ ผมไม่เห็นเลย ผมคิดว่าเขาเลือกที่จะให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อด้วยแพลตฟอร์มที่ใหญ่เท่านั้นเอง เขาสามารถเลือกคุยกับ โอปราห์ วินฟรีย์ หรือ เพียร์ส มอร์แกน ก็ได้ และเขาเลือกพูดด้วยภาษาอังกฤษ”

“ผมประหลาดใจที่เขาออกมาพูด ผมคิดว่ามันทำลายภาพลักษณ์ของเขาเอง ผมคิดว่า ลิโอเนล เมสซี คงนั่งอยู่ในแคมป์ที่ กาตาร์ และหัวเราะอยู่ เพราะหากคุณถามว่าใครเป็นนักเตะที่ดีที่สุด ไม่ เมสซี ก็ต้องเป็น โรนัลโด”

โรนัลโด รังนิก แมนยู

ไม่ขอยุ่งด้วย “รังนิก” ปัดตอบปมโดน โรนัลโด จาก แมนยู จวกยับ ลั่น “ไม่ใช่เรื่องของผม”

ราล์ฟ รังนิก อดีตกุนซือรักษาการแมนยูฯ ปัดตอบปมโดน “โรนัลโด” วิจารณ์ยับ ลั่น “ไม่ใช่เรื่องของผม” ชี้ นั่นคือสิ่งที่ แมนยูฯ ต้องจัดการ

หลังจาก คริสเตียโน โรนัลโด กองหน้าชาวโปรตุเกส ออกมาเปิดเผยแหลกว่า “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมดังแห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ให้สัมภาษณ์แบบไม่ไว้หน้าต้นสังกัด ทั้งยังปัญหากับ เทน ฮาก และ ราล์ฟ รังนิก อดีตกุนซือ

ติเตียนสโมสรว่าไม่พัฒนาจากระยะแรกที่เคยร่วมงานในปี 2003-2009, การโต้ตอบ เวย์น รูนีย์ อดีตเพื่อนร่วมทีมที่ชอบวิจารณ์เขา และฯลฯ

ตอนหนึ่งของบทสัมภาษณ์ โรนัลโด เผยออกมาว่า “หลังจากปลด โอเล (โอเล กุนนาร์ โซลชาร์) พวกเขา (แมนยูฯ) ดึงผู้อำนวยการกีฬา ราล์ฟ รังนิก เข้ามา ผมว่าเขา ไม่ใช่โค้ชด้วยซ้ำ เขาห่างหายจากการเป็นโค้ชไปนานมาก ผมไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลยและ การแต่งตั้งเขามันเป็นเรื่องน่าแปลกใจมากๆ มันไม่ใช่แค่ผมคนเดียวแต่ยังรวมถึงคนทั้งโลกด้วย”

ปัจจุบัน ราล์ฟ รังนิก อดีตผู้จัดการทีมชั่วครั้งคราวของแมนยูฯ ออกมาให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับหลักสำคัญดังกล่าวเพียงแค่สั้นๆว่า “มันไม่ใช่เรื่องของผมแล้ว ผมคือผู้จัดการทีมชาติออสเตรีย และมันไม่ใช่งานของผมที่จะไปตัดสินคำพูดแบบนั้น มันคืองานของคนที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และผู้สื่อข่าวกีฬา”

โรนัลโด ริโอ แมนยู

หมดแรงเซฟ “ริโอ” ตำนานแมนยูฯ ที่คอยปกป้อง “โรนัลโด” ลั่น “ทุกอย่างมันจบลงแล้ว”

ริโอ เฟอร์ดินานด์ อดีตกองหลังแมนยูฯ ที่คอยออกมาแก้ต่างแทน “โรนัลโด” ออกมาสารภาพว่า ความรักระหว่าง CR7 กับ “ปิศาจแดง” มันจบลงแล้ว

ล่าสุด ริโอ เฟอร์ดินานด์ อดีตป้อมปราการหลังแมนยูฯ ที่คอยออกมาสนับสนุน และออกมาแก้ต่างแทน โรนัลโด อยู่บ่อยมาก อาทิเช่น ไม่ร่วมทัวร์ปรีซีซั่นที่เอเชีย

และ เดินออกจากสนามก่อนแข่งจบ ได้ออกมาเห็นด้วยว่าหลังจากนี้ เขาไม่สามารถป้องกัน CR7 ได้อีกต่อไป หลังจาก โรนัลโด เปิดหน้าวิจารณ์อดีตต้นสังกัดแบบเสียๆหายๆรวมทั้งกล่าวว่าไม่เคารพผู้จัดการทีมอปิ้ง เอริก เทน ฮาก

ริโอ เฟอร์ดินานด์ ให้สัมภาษณ์ผ่าน Vibe with Five โดยระบุว่า “มันจบแล้ว ผมไม่สามารถแก้ต่างให้ โรนัลโด ได้อีกต่อไป ความรักระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ โรนัลโด ที่มีมาตลอดหลายปีได้จบลงแล้ว เขาอยู่ในจุดที่ไม่สามารถกลับไปยังสโมสรได้อีก เอาจริงๆ ถ้าเอาไม่ออกมาให้สัมภาษณ์ ครั้งนี้ ผมคงจะยังปกป้องเขาอยู่ แล้วบอกว่าสโมสรมีหน้าที่ต้องสื่อสารให้ดีกว่านี้ แต่อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้มันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสิ่งหนึ่งและนั่นมันก็ทำให้เขาออกจากสโมสรได้”

“ผมเคยอยู่ในห้องแต่งตัวเดียวกับ ฟาน นิสเตลรอย, รอย คีน, เดวิด เบคแฮม และ ยาป สตัม 4 ผู้เล่นที่เคยทำสิ่งที่น้อยกว่าที่เขาทำในครั้งนี้ และทั้ง 4 คนนั้นไม่เคยได้ใส่เสื้อ ยูไนเต็ด อีกเลย ไม่สำคัญเลยว่า โรนัลโด จะพูดอะไรอีกบ้าง แต่คำว่า “ผมไม่เคารพผู้จัดการทีม” คือเหตุผลที่ทำให้เขาต้องออกจากทีม”

“ผมไม่ได้รู้สึกว่าสโมสรอยากให้เขากลับมาและไม่คิดว่าเขาต้องการจะกลับมาด้วย มันก็เท่านั้น และผมคิดว่าทั้งหมดนี้ถูกสร้างเพื่อเรื่องเดียวนั่นก็คือเขาต้องการออกจากสโมสร”

จากฮีโร่สู่จูดาส “โรนัลโด” เคยปัดซบ “แมนฯ ซิตี้” เพราะรัก แมนยู ก่อนแตกหักในวันนี้

“คริสเตียโน โรนัลโด” สตาร์คนมีชื่อเสียงเคยปัดย้ายซบ “แมนเชสเตอร์ ซิตี้” เพราะว่ารัก แมนยู ก่อนที่จะประกาศแตกหักกับทีมหลังในช่วงเวลานี้

วันที่ 14 พ.ย. 65 ย้อนอดีต คริสเตียโน โรนัลโด สตาร์คนมีชื่อเสียงชาวโปรตุเกส เคยปฏิเสธจังหวะสำหรับในการย้ายไปร่วมทีม “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ภายใต้การนำทีม เป๊ป กวาร์ดิโอลา ผู้จัดการทีมชาวสเปน เพราะว่ารักและเคารพ “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก่อนที่จะประกาศแตกหักกับทีมหลังในช่วงเวลานี้

ทั้งนี้เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อช่วงซัมเมอร์ปีก่อน ในตอนที่ตัวเขากำลังจะย้ายออกจาก “ม้าลาย” ยูเวนตุส ยักษ์ใหญ่ กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี โดยที่เวลานี้ตัวเขาได้รับข้อเสนอจาก 2 ทีมจากเมืองแมนเชสเตอร์ ซึ่งตอนแรกตัวเขาจะเลือกไปทางฝั่งทีมสีฟ้า แต่ก็ได้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน โน้มน้าวใจให้กลับไปยังฝากทีมสีแดงอีกรอบ ซึ่งนักฟุตบอลก็เห็นด้วยเพราะว่าการกลับไปยังสโมสรเก่าอีกรอบจะก่อให้แฟนบอลคิดว่าเขารักสโมสรที่นี้แค่ไหน

แต่แต่ทว่าฮีโร่จากรอบแรกและรอบสองในตอนที่กลับล่าสุดกลับกลายเป็นจูดาสในสายตาของแฟนบอลหลายรายของทีมที่ต่างรู้สึกผิดหวังกับคำให้สัมภาษณ์คราวนี้ของ สตาร์คนมีชื่อเสียงวัย 37 ปี เพราะว่าเรียกร้องให้ย้ายออกจากทีมไป.

โรนัลโด เทน ฮาก แมนยู

โรนัลโด้ ทิ้งระเบิดใส่ แมนยู จัดหนักเทนฮากลามถึงสโมสร

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ดาวเตะชาวโปรตุกีสของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ให้สัมภาษณ์หลายประเด็นกับ เพียร์ส มอร์แกน นักข่าวคนมีชื่อเสียง เป็นต้นว่าการบอกว่าสโมสรราวกับพยายามบีบให้ตนจำเป็นต้องบอกลาทีมจนทำให้ตนรู้สึกเหมือนว่าโดนหักหลัง

โรนัลโด้ กลายเป็นประเด็นร้อนตั้งแต่ช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา จากการที่มีข่าวลือว่าเขาอยากย้ายทีมจนกระทั่งขั้นแจ้งหัวข้อนั้นกับทางต้นสังกัด และให้ จอร์จ เมนเดส ไปสัญจรคุยกับหลายๆสโมสรทั่วทวีปยุโรป ไปจนกระทั่งการที่เขาเคยมีปัญหากับ เอริค เทน ฮาก ผู้จัดการทีมคนใหม่ด้วยการไม่ยินยอมลงสนามในเกมกับ สเปอร์ส จนทำให้เขาถูกตัดชื่ออกจากทีมในนัดต่อมา

หลังโดน มอร์แกน ถามว่าสโมสรพยายามที่จะบีบให้เขาจำเป็นต้องออกจากทีมหรือไม่นั้น โรนัลโด้ ก็ตอบว่า “ใช่ และไม่ได้มีเพียงแค่โค้ช ( เทน ฮาก) เพียงคนเดียวด้วยที่ทำอย่างนั้น แต่ยังมีอีก 2 หรือ 3 คน พวกเขาเป็นคนภายในสโมสรนี่แหละ”

เมื่อถูกถามเพิ่มว่าผู้บริหารระดับสูงของสโมสรพยายามที่จะกำจัดเขาหรือไม่นั้น โรนัลโด้ ก็เสริมว่า “ผมไม่สนใจหรอก ทุกคนควรได้รู้ความจริง ใช่ ผมรู้สึกเหมือนกับว่าโดนหักหลัง และผมคิดว่าบางคนไม่อยากให้ผมอยู่ที่นี่ มันไม่ได้เกิดขึ้นแค่ปีนี้หรอกนะ ปีก่อนก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน”

ผู้ครอบครองรางวัล บัลลง ดอร์ 5 ยุค บอกเพราะว่าตนไม่ให้ความเคารพ เทน ฮาก แม้แต่นิดเดียว “ผมไม่ให้ความเคารพเขา เพราะเขาไม่ได้ให้ความเคารพกับผม ถ้าคุณไม่ให้ความเคารพผมแล้วน่ะผมก็จะไม่มีวันเคารพคุณเหมือนกัน”

โรนัลโด วงในแฉปฏิกิริยา แมนยู

โรนัลโด้ เสริมว่าไม่ชอบใจกับการที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เคยเอา ราล์ฟ รังนิค เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมชั่วคราวเมื่อฤดูก่อน

เพราะว่ามองว่าอีกฝ่ายไม่เหมาะกับตำแหน่งนั้น “ผมไม่เข้าใจเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่นับตั้งแต่ที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บอกลาทีมไปแล้วน่ะ ผมก็ไม่เห็นถึงพัฒนาการของสโมสรเลย ความพัฒนาของพวกเขาเท่ากับ 0”

“ยกตัวอย่างเช่น ทำไมหลังจากปลด โอเล่ (กุนนาร์ โซลชา) แล้วน่ะ สโมสรระดับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถึงซื้อ ถึงเอา ราล์ฟ รังนิค เข้ามาคุมทีม มันเป็นเรื่องที่ไม่มีใครเข้าใจได้เลย เขาไม่ใช่โค้ชด้วยซ้ำ สโมสรระดับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอาผู้อำนวยการกีฬามาคุมทีมเนี่ยนะ มันไม่ได้มีแค่ผมหรอกที่แปลกใจในเรื่องนั้น ทุกคนทั่วโลกก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน”

ขณะเดียวกัน โรนัลโด้ ก็พูดว่ามันทำให้ตนตกใจมากๆที่ตลอดช่วงที่ผ่านมา แมนฯ ยูไนเต็ด มิได้ทำการเปลี่ยนแปลงหัวข้อต่างๆเพื่อทำให้ทีมมีพัฒนาการที่ดีเลย “มันไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย ซึ่งถือว่าน่าแปลกใจพอตัว ไม่แม้แต่สระว่ายน้ำ, อ่างจากุซซี่, โรงยิม, เทคโนโลยี, ห้องครัว, เชฟ ซึ่งที่จริงแล้วผมชอบพวกเขานะ”

“พวกเขาหยุดอยู่กับที่ซึ่งทำให้ผมแปลกใจมากๆ ผมเคยคิดว่าผมจะได้เห็นหลายอย่างที่ต่างออกไป อย่างเช่นเรื่องเทคโนโลยีหรือสิ่งก่อสร้างตามที่ผมพูดไปก่อนหน้านี้ แต่น่าเสียดายที่เราได้เห็นสิ่งเดียวกับที่ผมเคยเห็นในตอนที่ผมอายุ 20, 21, 23 ปี ซึ่งมันทำให้ผมแปลกใจมากๆ”

“ผมคิดว่าแฟนๆ ควรได้รู้ความจริง ผมอยากให้สโมสรได้เจอกับเรื่องดีๆ นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมย้ายกลับมาอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่สิ่งที่อยู่ภายในสโมสรมันไม่ได้ช่วยให้เราขึ้นไปอยู่ในระดับสูงแบบเดียวกับ ซิตี้, ลิเวอร์พูล หรือแม้กระทั่ง อาร์เซน่อล ในตอนนี้ได้ ในความคิดของผมนั้นสโมสรในระดับนี้ควรจะขึ้นไปอยู่ในจุดสูงสุด แต่น่าเศร้าที่พวกเขาไม่ได้อยู่ในจุดนั้น

โรนัลโด้ ยังพูดเชิงเหน็บแนม เวย์น รูนี่ย์ อดีตเพื่อนร่วมทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ด้วย หลังจาก รูนี่ย์ ตำหนิเขาว่าทำตัวไม่เหมาะสมในช่วงที่ผ่านมา “ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงตำหนิผมหนักขนาดนี้ บางทีอาจจะเป็นเพราะเขาเลิกเล่นไปแล้ว ส่วนผมยังเล่นในระดับสูงอยู่ล่ะมั้ง ผมจะไม่บอกหรอกนะว่าผมหล่อกว่าเขา แม้ว่ามันจะเป็นความจริงก็ตาม”

ยังเสริมว่าที่จริงแล้วตนรัก แมนฯ ยูไนเต็ด และแฟนบอลของทีมอยู่เสมอ “ก็เหมือนกับที่ ปิกัสโซ่ เคยพูดเอาไว้ คุณต้องทำลายบางอย่างเพื่อที่จะสร้างมันขึ้นมาใหม่ (ที่จริง ปิกัสโซ่ พูดว่า -ทุกๆ การสร้างถือเป็นจุดเริ่มต้นของการทำลายล้าง-) และถ้าพวกเขาอยากเริ่มมันที่ตัวผมแล้วล่ะก็ สำหรับผมแล้วมันก็ไม่ใช่ปัญหาเลย ผมรัก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผมรักแฟนๆ พวกเขาอยู่เคียงข้างผมอยู่เสมอ แต่ถ้าพวกเขาอยากทำบางอย่างที่ต่างออกไปพวกเขาก็ต้องเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง”

ซุบเปอร์สตาร์ดัง อ้างด้วยว่า เฟอร์กูสัน ก็คิดแบบเดียวกับตน “เขารู้ดีกว่าใครทั้งนั้นว่าตอนนี้สโมสรไม่ได้อยู่ในทิศทางที่ควรจะเป็น เขารู้ดี ทุกคนก็รู้ดี มันก็แค่มีหลายคนที่มองไม่เห็นถึงเรื่องนั้นเพราะพวกเขาไม่อยากมองเห็นมันก็เท่านั้น พวกเขากำลังทำตัวเป็นคนตาบอด”

“คลอปป์” สุดปลื้ม 2 ลูกทีมเป็นพิเศษ พร้อมสู้ต่อกับ “ลิเวอร์พูล” แม้ในวันที่เจ้าของเปลี่ยนมือ

วันที่ 10 เดือนพฤศจิกายน 65 เยอร์เกน คลอปป์ ผู้จัดการทีม “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล แฮปปี้กับผลงานของลูกทีม หลังเปิดสนามแอนฟิลด์ ดวลจุดโทษชนะ “แกะเขาเหล็ก” ดาร์บี เคาน์ตี ไป 3-2 หลังเสมอใน 90 นาที 0-0 ผ่านเข้ารอบ 4 ศึกบอล ลีก คัพ ได้เสร็จ พร้อมชื่นชม 2 นักฟุตบอลอย่าง ควิวีน เคลเลเฮอร์ ผู้รักษาประตูจอมหนึบ และ เบน โดค ปีกอนาคตไกล เป็นพิเศษ

เกมนี้ทั้งคู่ทำอะไรกันไม่ได้ตลอด 90 นาที จำเป็นต้องตัดสินหาผู้ชนะด้วยการดวล จุดโทษ ก่อนที่ ควิวีน เคลเลเฮอร์ จะกลายเป็นฮีโร่ เซฟ 3 จุดโทษพา ลิเวอร์พูล เข้ารอบได้เสร็จ

คลอปป์ พูดว่า “ผมชอบผลงานของทีม ในเกมนี้นะ มันเป็นเรื่องยากเมื่อคุณต้องใช้ทีมแบบผสมแล้วต้องเผชิญหน้ากับทีมที่ตั้งรับลึก, วิ่งเยอะ, เล่นเกมโต้กลับ, เล่นบอลยาว, ลูกตั้งเตะต่างๆ อะไรพวกนี้ แต่อย่างน้อยคืนนี้เราก็ได้ให้โอกาสเด็กๆ ลงสนาม มันดีมากๆ ที่ได้เห็นพวกเขา”

“เคลเลเฮอร์ เขายอดเยี่ยมมาก เขาเป็นคนที่พิเศษจริงๆ ก่อนหน้านี้เขาบาดเจ็บมา และ ใช้เวลานานมากกว่าจะกลับมาฝึกซ้อมได้ โค้ชผู้รักษาประตูทำงานได้อย่างน่าเหลือเชื่อ นี่เป็นผลงานของพวกเขาเลย ผมดีใจกับเขามากๆ ที่เขาสามารถมีสถานการณ์เหล่านี้ได้ เด็กคนนี้แทบจะไม่ยิ้มเลย แต่เมื่อเขายิ้ม คุณจะรู้ว่ามันมีความหมายมากเหลือเกินสำหรับเขา เยี่ยมไปเลย”

“ส่วน เบน โดค เขาเป็นเด็กร่าเริง เป็นนักเตะที่ฉลาด เลี้ยงบอลดี รวดเร็ว เล่นได้ทั้งสองเท้า เขาทำได้ดีเลย มันเป็นเรื่องดีที่ได้ดูเขาเล่น ผมแน่ใจว่าครอบครัวของเขาอยู่ที่นี่ในคืนนี้ ผมจำได้ตอนที่เห็นครอบครัวของเขาตอนที่เราเซ็นสัญญากับเขา ทุกคนตื่นเต้นมากแค่ไหน คืนนี้เป็นอีกก้าวของเขา และ มันเจ๋งมากที่ได้เห็นเขาโดดเด่นในเกมนี้อย่างเห็นได้ชัด”

ลิเวอร์พูล พร้อมสู้

ไม่เหมือนเชลซี! คล็อปป์ตอบหัวข้อ ลิเวอร์พูล มีข่าวขายทีม

กุนซือชาวเยอรมันการันตีว่าเขายังคงมุ่งมั่นเพื่อทีมลิเวอร์พูลเสมอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พร้อมชี้ว่ากรณีช่วงนี้ไม่เหมือนกับตอนที่สิงห์บลูจำเป็นต้องขายทีมเมื่อฤดูร้อน

เยอร์เกน คล็อปป์ เฮดโค้ชลิเวอร์พูล การันตีว่าเขาจะยังดำเนินงานอยู่กับสโมสรถัดไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ท่ามกลางข่าวลือเรื่องขายทีมที่เกิดขึ้นขณะนี้

ทีมหงส์แดงมีข่าวว่าอาจมีการเปลี่ยนเจ้าของใหม่ หลังจากทาง FSG เริ่มมองหาผู้ลงทุนเพิ่มเติม ซึ่งทางกุนซือชาวเยอรมันการันตีว่าข่าวนี้เกิดเรื่องปกติ และ ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบใดๆก็ตามต่อทีม

“มันไม่มีผลอะไรเลย” คล็อปป์กล่าว “เป๊ป ลินเดอร์ส (ผู้ช่วยโค้ชลิเวอร์พูล) พูดเอาไว้ชัดเจนแล้วในห้องแถลงข่าว เราทุกคนรู้มาสักพักแล้วเกี่ยวกับความคิดของพวกเขา และ ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเราพูดกันว่าจะมีการขายทีม สิ่งที่ผมอ่านเจอคือพวกเขามองหานักลงทุน และ มันก็สมเหตุสมผล เป็นไอเดียที่ดี ผมชอบนะ”

“มันไม่มีผลกับการเตรียมทีมเลย พวกนักฟุตบอลไม่ได้ถามผม แต่ถ้าเกิดพวกเขาถามผม ผมก็บอกพวกเขาได้ทุกอย่าง สำหรับผม มันไม่มีความหมายอะไรเลย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมก็ถูกใจที่พวกเราทำงานร่วมกับเจ้าของทีม แต่ถ้าเกิดมันมีการเปลี่นแปลง ผมก็ยังทุ่มเทกับสโมสรอย่างไม่ต้องสงสัย เท่าที่ผมทราบ พวกเขามองหานักลงทุน และ ผมก็คิดว่ามันสมเหตุสมผล”

“สำหรับผม สิ่งที่สำคัญเป็นขั้นตอนการ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเราก็จะเดินหน้าและ วางแผนถัดไป”

“ตอนนี้ มันไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันเป็นแค่ข่าวซึ่งพวกเรารู้อยู่แล้ว และ ไม่ได้มีคนไหนหัวใจวายตอนที่พวกเราได้ยินข่าวนี้”

ลิเวอร์พูล เจ้าของเปลี่ยนมือ

ทำให้แฟนหงส์เบาใจขึ้นหลัง “คลอปป์” พร้อมสู้ต่อกับลิเวอร์พูล แม้ในวันที่เจ้าของเปลี่ยนมือ

หลังจาก “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟิลด์ ดวลจุดโทษชนะ “แกะเขาเหล็ก” ดาร์บี เคาน์ตี ไป 3-2 หลังเสมอใน 90 นาที 0-0 ผ่านเข้ารอบ 4 ศึกบอล ลีก คัพ ได้เสร็จ

ปัจจุบัน เยอร์เกน คลอปป์ ผู้จัดการทีม “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ออกมาเปิดใจคราวแรกหลัง เฟนเวย์ สปอร์ตส กลุ่ม หรือ “เอฟเอสจี” กรุ๊ปทุนเจ้าของสโมสร จะเปิดรับหุ้นรายใหม่ พร้อมอัปเดตอนาคตของเจ้าตัว หากหงส์แดงมีเจ้าของทีมคนใหม่ โดยกล่าวว่า “ไม่ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น ผมเลือกแล้วที่จะไม่ไปไหน และ ข่าวดังกล่าวก็ไม่ได้ก่อให้เกิดผลกระทบอะไรกับทีม”

“เท่าที่ผมทราบ FSG แค่กำลังมองหา นักลงทุน เพิ่ม ผมมีความสัมพันธ์ที่ดีกับ FSG ผมชอบวิธีที่เราทำงานร่วมกันกับเจ้าของทีมมาก แต่ถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลง ผมก็จะมุ่งมั่นกับสโมสรเหมือนเดิม เพราะผมให้คำมั่นสัญญากับสโมสรเอาไว้แล้ว”

นอกเหนือจากนี้ คลอปป์ยังบอกถึงกรณีที่ โธมัส ทูเคิล ถูกปลดหลังจากที่เจ้าของทีมเชลซีเปลี่ยนมือ โดยกล่าวว่า “สถานการณ์ของ ลิเวอร์พูล แตกต่างจาก เชลซี อย่างสิ้นเชิง เชลซีต้องถูกขายออกไปเพราะเจ้าของมีปัญหาและ สถานการณ์มีความเร่งด่วน แต่เราไม่มีสิ่งนั้นที่นี่เลย”

ดำรงอยู่อีกนาน “เด เคอา” ทุบสถิติอดีตโกลดังพรีเมียร์ลีก ถึงแม้แมนยูฯ ปราชัยขาดลอย

แม้จะเสีย 3 ประตู และทีมแพ้ แต่ ดาบิด เด เคอา ได้เจอกับอีก 1 เรื่องดีๆของชีวิตที่เป็นเสมือนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของตนเอง

วันจันทร์ที่ 7 พ.ย. 2565 ควันหลงหลังจากเกมที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกไปพ่ายแพ้ถึง วิลลา พาร์ก ของ แอสตัน วิลลา ด้วยสกอร์ 1-3 ในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อช่วงกลางคืนที่ผ่านมา

พรีเมียร์ลีก

ถึงแม้เกมนี้จะพ่ายแพ้แบบหมดทางจะสู้แต่ ดาบิด เด เคอา

ผู้รักษาประตูตัวเก่งของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลงเล่นครบ 90 นาที และเป็นการทำลายสถิติลงเล่นด้วยจำนวนนาทีนานที่สุดบน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เป็นที่เรียบร้อยแล้วโดยลงเล่นมาแล้วมากถึง 35,039 นาที แซงหน้า เบน ฟอสเตอร์ อดีตประตูของ “ปิศาจแดง” ที่ลงเล่นไป 34,959 นาที ลงได้เรียบร้อยแล้ว

ดีโอโก้ ดาโลต์ : 8

ฟอร์มยังคงโดดเด่นอย่างต่อเนื่อง เกมรุกดุดัน เกมรับสุดยอด โดยเฉพาะการโหม่งสกัดจังหวะสำคัญหน้าประตู 2 ครั้งก่อนเข้าหัวของ มิคาอิล อันโตนิโอ ถือเป็นอีกหนึ่งชอตสำคัญที่ช่วย “ผีแดง” รอดจากการเสียประตู

แฮร์รี่ แม็กไกวร์ : 7

จังหวะการผ่านบอลยังไม่แม่นยำ ไม่สามารถรับมือกับจังหวะสวนกลับของ เวสต์แฮม แต่ครึ่งหลังเล่นได้มั่นใจมากขึ้น ช่วยบล็อกจังหวะสำคัญในช่วงทดเจ็บ ทำให้ แมนยู คว้า 3 คะแนนสำคัญ

ลิซานโดร มาร์ติเนซ : 8

ยังคงเป็นกองหลังคนสำคัญของทีม โดยนักเตะเล่นด้วยความนิ่ง และเต็มไปด้วยความดุดัน พยายามขึ้นเติมเกมบุกเมื่อมีโอกาส เข้าบล็อกจังหวะสำคัญทำให้ทีมไม่เสียประตู

ลุค ชอว์ : 8

โดดเด่นอย่างมากในการเติมเกมรุกทางฝั่งซ้าย จังหวะการสัมผัสบอลแรกยอดเยี่ยม การเปิดบอลทางริมเส้นสุดอันตราย ขณะที่เกมรับสามารถรับมือกับ จาร์ร็อด โบเว่น ได้ดีเยี่ยม

กาเซมีโร่ : 7

แดนกลางของ แมนยู เหนียวแน่นยิ่งขึ้นเมื่อมี กาเซมีโร่ คุมเกม โดยเขาสามารถครองบอลได้ตลอด ช่วยคุมจังหวะการเล่นของทีม ตัดจังหวะการสวนกลับของ เวสต์แฮม ได้หลายครั้ง แม้จะมีเล่นพลาดไปบ้างแต่ก็ไม่ถึงกับเสียหาย

คริสเตียน เอริคเซ่น : 8

เปิดบอลด้านข้างได้อย่างเพอร์เฟกต์นำไปสู่การได้ประตูขึ้นนำ ศักยภาพของเขาช่วยในเรื่องเกมรุกได้ดีเยี่ยม เป็นอีกเกมที่โชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอด

แอนโธนี่ อีลังก้า : 5

ผลงานน่าผิดหวังสิ้นดี เกมรุกทางฝั่งขวาไม่ค่อยดี มีจังหวะการลากเลื้อยสวยๆ อยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้สร้างความน่ากลัวให้กับแนวรับทีมเยือน เห็นได้ชัดว่าเขาเหมาะกับการเล่นทางฝั่งซ้ายมากกว่า

บรูโน่ แฟร์นันด์ส : 7

อาจไม่ใช่ฟอร์มที่เลิศเลอ แต่ก็ยังคงรักษามาตรฐานที่ดีเอาไว้ได้ การผ่านบอลเฉียบคม วิ่งหาตำแหน่งทั่วสนาม พยายามไล่เพรสซิ่งไม่หยุด, สกัดบอลแม่นยำ

มาร์คัส แรชฟอร์ด : 8

นับวันยิ่งเล่นด้วยความมั่นใจ ความเร็วของเขาทำให้เกมรับ เวสต์แฮม ต้องระส่ำ จังหวะในการขึ้นโหม่งประตูแข็งแกร่งและดุดัน ใช้ความว่องไว้ให้เกิดประโยชน์ในจังหวะสวนกลับ

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ : 6

พยายามทำงานหนักเพื่อทีม วิ่งไล่บอลทุกจังหวะ มีบางครั้งถึงขนาดวิ่งไปเก็บบอลถึงแดนตัวเอง แต่น่าเสียดายที่จังหวะการจบสกอร์หลายครั้งไม่เด็ดขาดเหมือนเดิมอีกแล้ว

เดเคอา

ยิ่งกว่านั้น สถิติดังกล่าวมีท่าทีจะสามารถยืดออกไปได้เรื่อยๆ

ด้วยเหตุว่าเจ้าตัวเพิ่งวัยเพียงแค่ 32 ปีเพียงแค่นั้น และแม้จะเหลือสัญญาอีกเพียงแค่จนถึงจบซีซั่นนี้ แต่ก็มีออปชั่นสามารถขยายสัญญาเพิ่มได้อีก และยิ่งกว่านั้น เจ้าตัวเคยออกมาบอกแล้วว่าอยากจะอยู่ที่นี่ถัดไปให้ได้นานที่สุดของชีวิตค้าแข้ง

หลังจากเกมพรีเมียร์ลีก อาทิตย์ที่ 15 ล่วงเลยไป เกมที่ แมนเชสตอร์ ยูไนเต็ด บุกไปแพ้พ่ายต่อ แอสตัน วิลล่า ด้วยสกอร์ 3-1 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เด เคอา ลงสนามครบ 90 นาทีอีกหนึ่งนัด ซึ่งทำให้เขาอยู่ในสนามรวมทั้งสิ้น 35,039 นาที นับตั้งแต่ย้ายจาก แอตเลติโก มาดริด เมื่อปี 2011

จากผลงานปัจจุบันทำให้ เด เคอา กลายเป็นนักเตะที่ครองสถิติอันดับที่ 1 ที่ลงสนามนานที่สุดให้กับพรีเมียร์ลีก โดยอันดับต่อไปประกอบไปด้วย เบน ฟอสเตอร์ ที่เพิ่งประกาศรีไทร์ไป โดยลงไป 34,959 นาที ถัดมาคือ แกรี่ เคฮิลล์ อดีตกองหลัง เชลซี และ คริสตัล พาเลซ 33,374 นาที ตามด้วย ปีเตอร์ เช็ก อดีตนายทวารคนมีชื่อเสียงซึ่งเคยเป็นมือกาวของ เชลซี และ อาร์เซน่อล 33,324 นาที

สำหรับ เด เคอา วัย 32 ปี ลงสนามรับใช้ ทัพปีศาจแดง ไปแล้วซีซั่นที่ 13 และเหลือสัญญาจนกระทั่งจบซีซั่นนี้ แต่มีอ็อปชั่นต่อสัญญาได้อีกปีโดยเขาลงสนามไปทั้งหมด 506 นัด และมีผลงาน 174 คลีนชีต